รู้จักเว็บคอร์ส 3 สาย
ผมแบ่งให้เข้าใจง่ายๆ เป็น 3 สาย
ผมจะใช้สาย SaaS
คัดมา 1 จากตัวเลือก 50 แพล็ตฟอร์มระดับโลก มาทำเว็บคอร์สให้ลูกค้าครับ
รู้จักแต่ละสายคร่าวๆ
สาย SaaS
แพล็ตฟอร์ม SaaS จะมีเป็นพันแพล็ตฟอร์ม แต่ละเจ้าใหญ่จะมีทีมงานพัฒนาระบบเฉพาะทางช่วยกัน จุดเด่นคือ เราสามารถเลือกเช่าระบบ SaaS ที่เก่งสุดในแต่ละด้านมาใช้ได้เลย เช่น ด้านเว็บคอร์สออนไลน์
ข้อดี: ฟีเจอร์เว็บคอร์สออนไลน์ถูกรวมไว้ภายในระบบให้แล้ว ทุกอย่างพร้อมใช้ แต่ต้องเข้าปรับแต่งผสานระบบในช่วงเริ่มต้นใช้งาน
ข้อเสีย: ต้องจ่ายค่าเช่าระบบรายเดือน
สาย WordPress
WordPress ยอดนิยมของคนทำเว็บ การจะได้ฟีเจอร์แต่ละตัวต้องติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเข้าไปลักษณะต่อจิ๊กซอว์
ข้อดี: ไม่ต้องจ่ายแค่ค่าเช่ารายเดือนของ WordPress (แต่ยังมีที่คุณต้องจ่ายหลายอย่าง)
ข้อเสีย: ปลั๊กอินมาจากคนละที่จะทำงานผสานกันอาจไม่รื่นไหลและตัวดีๆ ต้องซื้อเพิ่มเอง!
สายเขียนขึ้นเอง (Codes)
DEV แบบเขียนขึ่นใช้เอง (Codes) คนจะทำพวกนี้ก็ต้องแนวโปรแกรมเมอร์ แต่ระบบจะออกมาดีไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ของผู้พัฒนาเป็นหลัก
ข้อดี: ย่อมเป็นของคนพัฒนาแน่นอน! (ทำเองใช้เอง)
ข้อเสีย: ฟีเจอร์น้อยกว่าระบบ WordPress และ SaaS จากข้อจำกัดเรื่องเงินทุนพัฒนา
***ในฝั่งผู้ใช้อย่างเราๆ ก็คงหนีไม่พ้น 2 สาย WordPress กับ SaaS เพราะมีผู้ใช้การันตี ใช้กันอยู่แล้วทั่วโลก! แต่ถ้าเน้นใช้งานง่าย! ...จะเหลือสายเดียวเลย คือ... SaaS
มี SaaS เจ้าไหนบ้าง?
เยอะแยะมากมายเลยครับ ถ้านับเฉพาะเจ้าที่มีระบบเว็บคอร์สออนไลน์ ก็อาจจะเหลือซัก 50 แพล็ตฟอร์ม แต่ผมจะยกตัวอย่างให้รู้จักคร่าวๆ ซัก 6 แพล็ตฟอร์ม....
Learnworlds
ขึ้นชื่อว่ามีระบบ LMS ดีที่สุด(แต่ต้องเป็นแพลนสูงอย่าง Learning Center 10,000 บาท/เดือน!) แต่ฟีเจอร์ด้านการตลาดจะไม่ค่อยโดดเด่น เหมาะสำหรับทำเว็บคอร์สแนววิชาการที่เน้นใช้เครื่องมือหลักสูตรจริงจัง แพลนต่ำๆจะห้อยโลโก้ติดมาด้วย
Thinkific
ตัวนี้ใช้งานง่ายมีอะไรให้หลากหลาย...แต่ไม่ใช่ในแพลนฟรี! น่าเสียดายที่แถมโลโก้ห้อยติดบนเว็บไซต์คุณด้วย! ฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงส่วนใหญ่จะอยู่ในแพลนสูงอย่าง Grow ถึงจะไม่ติดโลโก้ (ราวๆ 7,000 บาท/เดือน) แพลนฟรีจึงดูเหมือนถูกแต่ก็ไม่ถูก!
teachable
ขึ้นชื่อเรื่องใช้งานง่ายตั้งค่าง่ายกว่าทุกตัว จึงเป็นยอดนิยมของคนไทย แต่น่าเสียดายอีกแล้ว...แม้จะใช้แพลนราคาสูงก็ยังติดโลโก้มาด้วยอยู่ดี!(ส่วนเข้าระบบเกือบทุกที่) ฟีเจอร์ก็กั๊กเยอะถ้าอยากได้ต้องจ่ายเพิ่มอัพเกรดเป็นแพลนสูงๆ และเอาจริงๆ ถ้าต้องจ่ายขนาดนั้นก็ไปหาพวก Kajabi ได้เลยนะ!
Kajabi
ขึ้นชื่อเรื่องฟีเจอร์ด้านการตลาดที่รวมให้ครบจบในตัวที่สุด แต่ราคาก็สูงมาก ถ้าคุณจ่ายไหวแพลนสูงๆอย่าง Growth 7,000 บาท/เดือน ก็จัดได้เลย! เพราะแพลนเริ่มต้นจะจำกัดการทำคอร์สได้แค่ 3 รายการ ถือว่าน้อยมากแล้วยังติดโลโก้ให้อีก! ...ถ้าจะเลือกผมแนะนำแพลน Growth เท่านั้นครับ
Kartra
ตัวนี้จริงๆ ไม่ได้เน้นมาทางคอร์สออนไลน์แต่ก็มีฟีเจอร์ให้ใช้ได้ดีพอตัว แม้จะเน้นไปทาง Funnel และเว็บไซต์การตลาดรวมๆ การตั้งค่าซับซ้อนพอสมควร เรียกว่าถ้าไม่เคยทำ Funnel อาจจะไปไม่เป็น ราคาก็สูงไม่เป็นรองใคร! แต่น่าเสียดายคือเว็บค่อนข้างอืดโหลดช้ากว่าทุกตัว
Groove
ขึ้นชื่อในเรื่องความครบที่สุด เรียกว่าครบ จนล้น..จนมึน! (แต่ไม่จบง่ายๆหรอกนะ!) แพล็ตฟอร์มนี้เปิดได้ไม่กี่ปีนี่เอง แต่ปัญหาในเรื่องการใช้งานที่ยุ่งเหยิงและซับซ้อนมาก มากยิ่งกว่า Kartra ซะอีก! (คนก่อตั้งหลัก 2 แพล็ตฟอร์มนี้เป็นคนๆเดียวกัน) แม้แพลนฟรีจะมีให้ใช้ แต่เอาจริงๆก็ต้องขยับซึ่งก็แพงอยู่ดี!
ผมเลือกแพล็ตฟอร์ไหน?
ขออภัย จะมีเฉพาะลูกค้าที่ผมรับทำเว็บให้เท่านั้นที่จะรู้ครับ ...แต่ผมบอกได้แค่ว่า ไม่ใช่ทั้ง 6 แพล็ตฟอร์มนี้เลย!
แพล็ตฟอร์ม SaaS ที่ผมเลือกจะเน้นที่ ฟีเจอร์ต้องครบในราคาเช่ารายเดือนต้องไม่แพง (แค่ 1,290บาท/เดือน) และห้ามมีโลโก้ของค่ายห้อยมาเด็ดขาด! ...แต่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องเป็นระบบที่ใช้ง่ายที่สุดด้วย!!
ดี้ LandyCourse